The Reader ความรักที่ละเมียดแต่เสี่ยงต่อศีลธรรมและผลของสงคราม
ปีที่ผ่านมานับว่าเป็นปีทองที่แท้จริงของนักแสดงสาวที่เคยโด่งดังจากภาพยนตร์รักโรแมนติคที่สร้างปรากฏการณ์อย่าง
Titanic ใช่แล้วนักแสดงหญิงคนที่ว่าก็คือ
เคตส์ วินส์เลต หรือโรส ของแจ๊คนั่นเอง ปี 2008 เคตส์สามารถสร้างปรากฏการณ์ในการคว้ารางวัลจากภาพยนตร์
2 เรื่องคือ The Reader และ Revolution
Road โดยภาพยนตร์เรื่องแรกทำให้เธอคว้ารางวัลออสก้าร์นำหญิงยอดเยี่ยมและยังกวาดอีกหลายรางวัลจากหลายสถาบัน
เช่นกันภาพยนตร์เรื่องที่สองก็ส่งให้เธอกวาดอีกมากจนปี 2008 เป็นปีที่ตู้ที่บ้านของเธอมีที่วางไม่พอเป็นแน่
The Reader เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากนิยายชื่อเรื่องเดียวกัน
แต่งโดยเบิร์นฮาร์ด ชลิงก์ (Bernhard Schlink) ภาพยนตร์นอกจากได้เคตส์แล้วยังมี
ราล์ฟ ไฟน์ มาร่วมแสดงด้วย โดยมี สตีเฟ่น เดลดรี้เป็นผู้กำกับ และ The
Reader ก็กลายเป็นเรื่องที่กล่าวขวํยมากที่สุดแห่งปีเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะชาวเยอรมัน
เพราะนอกจากจะเป็นภาพยนตร์ที่ละเมียดในเรื่องความรักแต่สุ่มเสี่ยงต่อศีลธรรมของสาววัย
36 กับหนุ่มน้อยวัย 15 ยังกระชากอารมณ์ในครึ่งหลังของเรื่องด้วยการพิพากษาคดีอาชญากรรมแห่งสงครามที่กระทบต่อคนทั้งสองไปตลอดชีวิต
หลังสงครามโลกครั้งที่สองหมาดๆ ไมเคิล เด็กหนุ่มวัย 15 ปี (เดวิด ครอส)
ขณะที่กำลังกลับบ้านเกิดป่วยเป็นไข้และได้รับการช่วยเหลือจากสาววัย 36 ปี ฮานา ชมิดท์ (เคตส์ วินส์เลต)
และจากความประทับใจนั้นเองทำให้เด็กหนุ่มไมเคิลหาทางมาพบกับฮานา
และภาพของสาวสวยฮานาที่น่าจดจำทำให้เด็กหนุ่มหลงใหลจนก้าวลึกไปสู่สัมพันธภาพที่สุ่มเสี่ยงต่อศีลธรรม
ทุกๆวันหลังเลิกเรียนไมเคิลจะรีบมาหาฮานาและก่อเกิดบทรักที่แสนละเมียด
โดยเฉพาะไมเคิลจะอ่านหนังสือให้ฮานาฟังก่อนจนเป็นที่พอใจของเธอจึงจะได้รางวัลอันดูดดื่มเป็นการตอบแทน
สัมพันธภาพที่กลายเป็นความทรงจำแต่ก็เป็นความลับที่ปวดร้าวในอนาคตของทั้งคู่
เมื่อวันหนึ่งฮานาหายไปอย่างไร้ร่องรอย ไมเคิลพกพาความทรงจำที่ค้างคาอยู่ในใจ
เมื่อเขากลายเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยด้านกฏหมาย
วันหนึ่งเขาต้องไปสัมนาและเข้าฟังการตัดสินคดีนักโทษอาชญากรรมสงคราม
เขาก็ต้องตกตะลึงเพราะหนึ่งในจำเลยคือ ฮานา ที่ยังคงฝังใจเขาตลอดมา
และยิ่งเขาเข้าฟังความเลวร้ายของสิ่งที่ฮานาก่อในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง
ทำให้ไมเคิลแยกไม่ออกระหว่างความรักที่เขายังติดตรึงในอดีตกับความชิงชังที่ฮานาก่อกับเหยื่อของสงคราม
และท้ายที่สุดกยังตามหลอกหลอนไมเคิลจนทำให้เขาไม่สามารถมีชีวิตครอบครัวที่มีความสุขได้
ภาพยนตร์เป็นที่วิจารณ์มากในฐานะที่อ้างถึงประวัติศาสตร์อันโหดร้าย
การทารุณกรรมของนาซีที่มีต่อเหยื่อชาวยิว แม้จะไม่มีฉากสงครามใดๆก็ตาม บางคนเรียกภาพยนตร์เรื่องนี้ว่าเป้น
“เยอรมันรุ่นที่สอง” ก็คือรุ่นของชาวเยอรมันที่ได้รับผลจากการกระทำของรุ่นก่อนหน้าคือนาซีในสงครามโลกครั้งที่
2
ภาพยนตร์แบ่งออกเป็นสองส่วนอย่างชัดเจนในช่วงแรกเป็นบทรักที่ละเมียดละไมแต่
อาจะทำร้ายจิตใจต่อระบบคุณธรรมแต่มนุษย์ก็เกิดมาพร้อมกับโลกีย์วิสัยอยู่
แล้วแต่มักจะถูกปฏิเสธตามเหตุผลของสังคมที่จะยกระดับจิตใจทั้งตั้งใจหรือไม่
ก็เป็นพวกถือสากปากถือศีล
ความหลงใหลในบทรักของไมเคิลวัยเด็กอาจจะเรียกเป็นการทารุณกรรมหรือล่วง
ละเมิดทางเพศโดยหญิงสูงวัยก็ได้
เพียงแต่การบาดเจ็บของไมเคิลไม่ใช่ร่างกายเหมือนการทารุณทางเพศทั่วไปแต่
เป็นการบาดเจ็บทางใจในอนาคตที่ส่งผลมากมายต่อไมเคิลในวัยผู้ใหญ่รวมทั้งครอบ
ครัวของไมเคิลด้วย
I can't live without you. The
thought of leaving you kills me. Do you love me?
ไมเคิล (วัยเด็ก)
พูดกับฮานา ชมิดท์
ส่วนที่สองของภาพยนตร์เป็นอารมณ์ที่ขัดแย้งกับช่วงแรกอย่างเห็นได้ชัด
บทอิโรติคที่ขัดแย้งศีลธรรมกลายมาเป็นบทพิพากษาอาชญกรรมที่สะท้อนอารมณ์ที่ขัดกัน
เพราะภาพยนตร์ไม่ได้เสนอภาพเลวร้ายของสงคราม
การพิพากษาคดีต่อฮานาจึงดึงอารมณ์ของผู้ชมให้เต็มไปด้วยสงสารต่อชะตากรรมของเธอและเอาใจช่วย
โดยเฉพาะการถูกกระทำจากจำเลยที่เป็นอาชญากรสงครามด้วยกัน ทำให้เธอรับโทษสูงสุดเพียงคนเดียว
ไมเคิลที่โตขึ้นมาหน่อยก็อยู่ในอารมณ์ที่ขัดแย้งกับความรักครั้งแรกของเขาที่ไม่เลือนหายกับการโกรธแค้นกับสิ่งที่เธอทำลงไป
แต่สุดท้ายไมเคิลก็รู้ความลับบางอย่างที่ฮานาปกปิดอยู่
และอาจมีผลต่อการช่วยเธอรับโทษที่น้อยลงแต่สุดท้ายไมเคิลก็เก็บความลับนั้นไว้ต่อไป
หลายปีต่อมาไมเคิลได้พูดคุยกับเหยื่อของสงครามและบอกกับเหยื่อผู้นั้นว่า
เธอเก็บความลับบางอย่างไว้ที่ทำให้เธอได้รับโทษสูงสุด
แต่เธอก็ไม่บอกความลับนั้นต่อศาลที่พิพากษาของเธอก็เพราะว่าเธออายที่จะบอกความลับนั้น
(ซึ่งความลับนั้นก็ถูกวิจารณ์ว่าไม่น่าอับอายเลยเมื่อเทียบกับการต้องสังหารเหยื่อชาวยิวที่เธอถูกพิพากษา)
แต่ความจริงไมเคิลก็เช่นกันที่อับอายจะบอกความจริงนั้นออกมาเช่นกัน
ความอับอายต่อการมีสัมพันธ์รักมิรู้ลืมกับหญิงสูงวัยที่เป็นอาชญากรสงคราม
และความลับนั้นเองที่ทำให้ไมเคิลกลายเป็นเหยื่อเสียเอง
ภาพยนตร์
ไม่ได้มีพล็อตเรื่องเลิศเลออะไร
แต่การแสดงของเคตส์
วินส์เลตที่โดดเด่นและยกระดับของภาพยนตร์ให้เปลี่ยนจากภาพยนตร์ธรรมดาที่มี
บทอิโรติคกลายเป็นภาพยนตร์คุณภาพที่ถูกกล่าวขานถึงและยังได้รางวัลมากมาย
ฮานาในบทของเคตส์แบ่งอารมณ์ผู้ดูจากบทกินหญ้าอ่อนที่มีความสุขของเธอที่ผู้ชมรับไม่ได้กับศีลธรรมที่บกพร่อง
กับบทจำเลยที่จะต้องทนทุกข์แต่ผู้ชมกลับรู้สึกสงสารในชะตากรรมที่เธอได้รับและความลับที่เธอเก็บไว้เพียงผู้เดียว
และไม่แปลกที่เคตส์ วินส์เลตจะกวาดรางวัลมากมายของปี 2008 ที่รวมถึงออสก้าร์หญิงยอดเยี่ยมในปีที่เธอมีภาพยนตร์คุณภาพอีกเรื่องที่มีบทบาทแตกต่างจากเรื่องนี้อย่างสิ้นเชิง
แสดงความคิดเห็น